วิธีดูแล รถกอล์ฟไฟฟ้า ให้ถูกวิธีมีอะไรบ้าง? ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น

1.1 บรรทุกตามน้ำหนักที่กำหนด

รถกอล์ฟ 4 ที่นั่งที่ใช้กันโดยทั่วไป สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ประมาณ 400-700 กก. หลายครั้งจึงเห็นบางบริษัท นำรถกอล์ฟมาใช้บรรทุกของเป็นหลัก แทนการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งอาจเกินน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่รถแต่ละคันกำหนดไว้ เป็นเหตุให้ช่วงล่างพังเร็วกว่าที่ควรได้

1.2 หลีกเลี่ยงการวิ่งลุยน้ำขัง

การขับรถกอล์ฟลุยเข้าไปในบริเวณที่มีน้ำขัง แม้แต่วิ่งบนพื้นหญ้าหลังฝนตกใหม่ ๆ อาจทำให้น้ำกระเด็นเข้าไปในมอเตอร์ ซึ่งอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวรถ อาจทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและมีอายุการใช้งานที่สั้นลงได้

1.3 ตรวจเช็กลมยางก่อนใช้งาน

อะไหล่รถกอล์ฟ ขอบล้อและยางล้อ เป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบเสมอก่อนการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร และยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นด้วย โดยส่วนสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือ ลมยาง ควรอยู่ในระดับที่กำหนดไว้เสมอ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ยางและช่วงล่างเสื่อมสภาพ ทั้งยังช่วยให้ขับขี่ได้แบบนุ่มนวลอีกด้วย

1.4 ชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งหลังใช้งาน

แบตเตอรี่รถกอล์ฟเป็นหัวใจหลัก ที่ทำให้รถเคลื่อนที่ได้ จึงควรเตรียมพร้อมด้วยการชาร์จไฟทุกครั้งหลังใช้งาน เพราะหากพลังงานของแบตเตอรี่ เหลือน้อยกว่าประมาณ 1 ใน 5 จะทำให้การชาร์จไฟแต่ละครั้งเกิดความร้อนสะสมเพิ่มขึ้น จนอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว และมีอายุการใช้งานสั้นกว่ากำหนดได้

1.5 พักรถก่อนชาร์จแบตเตอรี่

รถกอล์ฟไฟฟ้าควรได้รับการดูแล ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จึงควรชาร์จไฟทุกครั้งหลังใช้งาน แต่ข้อผิดพลาดหนึ่งซึ่งมักพบอยู่เสมอ คือการชาร์จแบตเตอรี่ทันทีเมื่อจอดพักรถ ซึ่งในขณะนั้นแบตเตอรี่ และมอเตอร์ยังคงมีอุณหภูมิสูงอยู่ หากต่อไฟเข้ากับแบตเตอรี่ทันที ความร้อนอาจเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว จนทำให้แบตเตอรี่เสื่อมง่าย ดังนั้นจึงควรพักรถก่อนประมาณ 30 นาทีก่อนชาร์จ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น

1.6 เช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่

แบตเตอรี่รถกอล์ฟเป็นส่วนสำคัญของรถ ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ จึงควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่า น้ำกลั่นในแบตเตอรี่มีระดับสูงพอ ที่จะทำให้แผ่นขั้วตะกั่วจมน้ำเสมอ

1.7 ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ อย่างสม่ำเสมอ

แบตเตอรี่รถกอล์ฟ ควรได้รับการดูแลทั้งภายนอกและภายในเป็นประจำ ซึ่งควรตรวจเช็กสภาพของจุดเชื่อมต่อสายไฟ และตรวจเช็กแผ่นตะกั่วให้สะอาดอยู่เสมอ โดยต้องกำจัดซัลเฟตหรือขี้เกลือที่เกาะอยู่ออกให้หมด เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสให้แผ่นตะกั่ว ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

1.8 หมั่นเช็กข้อต่อรถอยู่เสมอ

เมื่อใช้งานรถกอล์ฟไปสักระยะ นอตข้อต่อตามส่วนต่าง ๆ อาจคลายตัวลง จนทำให้เกิดเสียงผิดปกติขณะใช้งาน ซึ่งควรตรวจหาที่มาของเสียงเพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย เป็นการถนอมไม่ให้อะไหล่รถกอล์ฟ หมดอายุเร็วกว่าที่ควร

1.9 รีบเช็กเบรกทุกครั้ง หากเบรกลื่น

หากพบว่า ระบบห้ามล้อมีปัญหา เบรกลื่นขณะใช้งาน รถไม่หยุดตามที่ต้องการ ควรรีบตรวจสอบเบรกทันที เพราะหากปล่อยไว้ นอกจากจะเสี่ยงอันตรายแล้ว ยังอาจทำให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถเสียหายเพิ่มขึ้นด้วย

1.10 ตรวจสอบสภาพรถเป็นประจำทุกปี

อะไหล่รถกอล์ฟ, ตัวถังรถ, มอเตอร์, ตัวถัง, โครงรถ และระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ควรได้รับการตรวจเช็กทุก 6-12 เดือน เพื่อชะลอความเสื่อมของชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นได้